ปลูกดอกสลิด/ขจร รายได้หลักของสวน

       หลังจากไม่ได้เขียนบล็อคมานาน เพราะหายไปซุ่มทำสวนขจร/พริกไทยซีลอนอยู่ครับ ตอนนี้สวนขจรของผมก็10เดือนแล้ว หลังจากหาข้อมูลมานานว่าจะปลูกอะไรเพื่อเป็นรายได้หลักของสวน ก็ได้มาเจอดอกขจรนี่แหละครับ

   ดูจากราคาแล้วก็น่าสนใจใช่มั้ยครับ ผมก็เป็นคนนึงที่สนใจ จะขออธิบายคุณลักษณะของดอกขจรเบื้องต้นก่อนนะครับ

     คุณลักษณะ ดอกขจรหรือดอกสลิดเป็นพืชที่ชอบแดดและทนแล้งได้ดี มีอายุยาวอยู่ได้นาน ในสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์และน้ำถึงตลอดปี ที่สำคัญการลงทุนต่อไร่น้อย ซึ่งเหมาะกับที่บ้านผมมากครับมีน้ำตลอดปี พันธุ์ที่ปลูกเป็นพันธุ์ดอกดก ออกดอกตลอดทั้งปี ขจรเป็นไม้เลื้อยแต่ไม่สามารถพันตาข่ายด้วยตัวเองได้ต้องคอยจับพันขึ้นไป แต่ถ้าเป็นไม้ไผ่จะเลื้อยขึ้นไปเอง การปลูกที่สวนใช้วิธีปักไม้สูงถึง2เมตรจากนั้นขึงตาข่ายไนล่อน(ห้ามใช้เอ็น) ปลูกระยะ(ที่สวน)75ซม. โดยปลูกหลุมละ2-3ต้น เมื่อลงดินใหม่ๆให้รดน้ำเช้าเย็น ถ้าปลูกในหน้าร้อนจัดใบจะเป็นฝ้าสีขาว และพยายามอย่าให้กิ่งที่แตกใหม่ลากพื้นเพราะอุณหภูมิที่ร้อนจัดของดินอาจทำให้กิ่งเหี่ยวได้ แนะนำปลูกในหน้าฝนครับ เพราะหน้าแล้งอาจมีเพลี้ยไฟรบกวนด้วยได้ ใบจะหงิกกิ่งเล็กโตช้า แต่ถ้าสามารถกำจัดเพลี้ยไฟได้จะหายเป็นปกติ ขจรเป็นพืชป่าเมื่อโดนเพลี้ยไฟจะไม่ติดไวรัสเหมือนพืชล้มลุก ข้อดีอีกอย่างของขจรคือแทบไม่มีโรค ระวังก็แต่รากเน่าเนื่องจากน้ำขัง ฉะนั้นเวลาปลูกควรยกร่องให้สูง บางพื้นที่ดินระบายน้ำได้ดีก็ไม่ต้องสูงมาก ที่สวนเป็นดินร่วนปนดินเหนียวจึงน้ำขังบ่อยๆ 

       อ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันดีจังเลยใช่มั้ยครับเห็นข้อดีก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา วันนี้ผมจะมาบอกข้อดีข้อเสีย(ที่ผมพบเจอ)ให้หมดเปลือกเลยครับ

          หลังจากศึกษาข้อมูลเบื้องต้นและดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับดอกขจร ก็เห็นแต่ข้อดีไม่เห็นมีข้อเสียเลยพยายามหาข้อเสียก็ไม่เจอ ที่ศึกษาหรือเค้าว่ามาก็คือ ไม่มีแมลง ปลูกแบบชีวภาพได้ ดอกดกรายได้ดี วันนี้จะมาขยายความให้กับคนที่ไม่เคยปลูกแต่สนใจให้รู้กันครับ 

         ที่บอกว่าไม่มีแมลงเนี่ยบอกเลยนะครับว่า ไม่จริง ผมเริ่มปลูกได้3เดือน ก็เจอเพลี้ยไฟตั้งแต่ยังเล็กๆ ด้วยความที่ใช้ชีวภาพอยู่แล้วก็พอรู้จักยาชีวภาพบ้าง ก็ให้เวลากับชีวภาพประมาณ2เดือนก็ไม่ไหวแล้วครับ ต้องฉีดเคมีซะแล้ว ด้วยความที่ไม่เคยก็ใช้นิดเดียว 5ซีซีผสมถังฉีด25ลิตร อะบาเม็กติน ผลที่ได้คือตายหมดครับ กลับมาเป็นปกติ ผมก็ฉีดคุมทุก10วัน ในปริมาณนี้ครับ แต่พอเข้าเดือนตุลาปลายฝนต้นหนาว(ไม่หนาว) ก็เริ่มคุมไม่อยู่แล้วครับ จาก10วันเป็น7วัน 7เป็น4วัน ไม่ไหวอีกแล้วครับ ต้องหายาตัวอื่นมาช่วย จึงหาข้อมูลเรื่องเพลี้ยไฟเพิ่มพบว่าเพลี้ยไฟสามารถสร้างภูมิต้านทานสารเคมีสู่ลูกหลานได้ จึงใช้ยาตัวอื่นเริ่มแรกใช้คาร์โบซัลแฟนครับใช้ได้ครั้งเดียวก็เลิก เนื่องจากกลิ่นแรงมากครับเพลี้ยก็ไม่ตาย จึงเปลี่ยนมาใช้อิมิดาคลอพิด อันนี้ดีหน่อยครับ ไม่มีกลิ่นฉลากสีฟ้า แต่ก็ยังไม่ตายครับ แต่พอควบคุมปริมาณไม่ให้ระบาดไปส่วนอื่นๆได้ ฉีดสลับกับอะบาครับ แล้วมีชีวภาพบ้างก็เริ่มๆคุมได้บ้าง. ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ครับแต่ต้องสู้ต่อถอยไม่ได้แล้ว จบครับข้อเสียแรก  

       ต่อมาเป็นเรื่องของผลผลิตครับจากที่ถามมา โทรถามสวนที่มีประสบการณ์เรื่องขจร 400ต้น(ที่สวนปลูก400ต้น) ว่าจะได้ประมาณกี่ กก. เค้าบอกว่า40กก.ผมก็ดีใจแล้วเฝ้ารอ ปลูก3เดือนได้2โลพอเข้าใจ ยังไม่โตเต็มที่ พอ6เดือน(เค้าบอกว่าโตเต็มที่แล้ว) ได้ประมาณ6-7โล ก็ยังรอต่อไปครับคิดว่าอาจจะโตพรวดๆแบบไม่ได้ตั้งตัว พอเริ่ม8เดือนเป็นช่วงหน้าฝน ตอนนั้นตกทุกวัน ก็ขึ้นมา12โล คิดว่าคงมากขึ้นเรื่อยๆ ลืมบอกไปครับช่วง3เดือนถึง8เดือน ตอนนั่นขายได้35-50บาท ส่วนใหญ่จะ40บาท  พอ12โลฝนเริ่มหมดครับบวกกับเพลี้ยไฟเริ่มลง ผลผลิตลดทันทีครับเหลือ7 ลดต่อเนื่องเป็น5 เริ่มรู้สึกแล้วว่าแปลกๆ เลยลองให้ปุ๋ยดู เป็นปุ๋ย16-16-16ละลายน้ำปล่อยไปกับน้ำหยด ให้ทุกอาทิตย์ บางทีก็ผสมกับ13-13-21 ก็เห็นว่าแตกเยอะขึ้นติดดอกเยอะขึ้นบ้าง แต่ทุกวันนี้ก็ยังได้5-7โลเท่านั้น แต่ราคา80บาทต่อโล นะครับถือว่ามากที่สุดตั้งแต่ขายมา เพราะส่วนใหญ่ๆที่อื่นเค้าตัดทำสาวหมดหน้าหนาวดอกจะน้อย แต่ที่สวนไม่มีวันไหนที่หนาวเลยครับ โดนแดดปุ๊บก็เหงื่อออกทันทีออกจะร้อนมากกว่าครับ ลืมบอกครับไม่ได้เก็บทุกวันนะครับ วันเว้นวันครับ ที่ตามข่าวตามรายการบอกได้วันละ เท่านั้นเท่านี้คือเว้นวันนะครับ  ที่ยังสงสัยอยู่คือสวนผมจะได้วันละไม่ถึง10โลจริงเหรอเพราะเค้าบอกได้วันละ40โล ก็น่าจะ20โลก็ยังดี หรือผมทำอะไรผิดพลาดไปถ้าใครมาอ่านแล้วพอรู้ว่าต้องทำยังไง บอกผมด้วยนะครับ ผมไม่ได้เก่งทุกเรื่องครับ บอกได้แต่ประสบการณ์ที่เคยทำมาเท่านั้นเอง

        รายได้อีกทางของการปลูกดอกขจรอีกทางก็คือนอกจากขายดอกแล้ว ยังขายพันธ์ุได้ด้วยครับขจรเป็นพืชขยายพันธุ์ง่ายตัดกิ่งที่แก่แลัวมา1ท่อนแช่น้ำยาเร่งรากปักลงไปในดินประมาณ1เดือนก็นำไปปลูกได้แล้วครับ แล้วยังสามารถนำมาชำกิ่งไว้หลายๆต้น ส่งขายลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตได้ราคาดีเลยครับ 1ถุงดำมีประมาณ2-3กิ่ง ราคาถุงละ25บาท ส่งล้างรากให้ลูกค้า ค่าส่งก็ไม่แพงครับ นี่ก็เป็นอีก1ข้อดีของขจรครับ

     

          ข้างหลังเป็นขจรข้างหน้าเป็นเพกาเพาะเมล็ดครับ

          อีก1ข้อเสียของขจรก็คือเนื่องจากเราเก็บดอกเค้า น้ำหนักจึงเบาครับ ใช้เวลาเก็บนานทีเดียวครับ ผมเก็บกับแฟน2คน10โลใช้เวลาอย่างต่ำ 3ชั่วโมงครับ ลองคิดนะครับแค่10โลยัง3ชม. แล้วยังไม่นับเวลาคัดดอกนะครับ ต้องคัดดอกบานดอกเหลืองออกไปด้วยครับ ก็อยากให้คิดให้ดีครับ ถ้าคุณปลูกเยอะก็ควรคำนวณค่าจ้างให้ดีครับว่าคุ้มมั้ย วันนี้ก็นำข้อมูลของดอกขจรมาแชร์ให้ฟังครับ เผื่อคนที่กำลังหาข้อมูลอยู่หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านได้บ้างครับ