ว่ากันต่ออีกบทความครับ สำหรับศัตรูพืชคราวนี้เราจะพูดถึง หนอน ด้วงเต่ากันบ้างว่าชนิดไหนที่เราพบเป็นประจำ
เริ่มด้วยหนอนครับ1. หนอนชอนใบ มีหลายชนิด ถ้าทำลายพืชตระกูลกะหล่ำ เรียกว่า หนอนแมลงวันชอนใบกะหล่ำ หากทำลายหอมเรียกว่า หนอนแมลงวันชอนใบหอม พืชผักหรือไม้ดอกบางชนิดที่ถูกทำลายเกิดจากตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ที่มีขนาดเล็กภายในผิวพืช เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนที่มีลักษณะหัวแหลมท้ายป้าน ตัวหนอนจะชอนไชอยู่ในใบทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวคดเคี้ยวไปมา เมื่อนำใบพืชมาส่องดูจะพบหนอนตัวเล็กๆ สีเหลืองอ่อน โปร่งแสงใสอยู่ภายในเนื้อเยื่อใบพืช หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบเสียหายร่วงหล่น ซึ่งจะมีผลต่อผลผลิตพืช หากพืชนั้นๆ ไม่สามารถสร้างใบทดแทนได้พืชก็จะตายในที่สุด
ภาพของหนอนชอนใบและแมลงวันในระยะตัวเต็มวัย
หนอนชอนใบ ตัวเต็มวัยเป็นแมลงวันขนาดเล็ก เพศเมียจะวางไข่ขนาดเล็กไว้ใต้ส่วนของเนื้อเยื่อบางๆ ของพืช ระยะไข่ 2 – 4 วัน เมื่อฟักเป็นตัวหนอนมีลักษณะหัวแหลมท้ายป้าน (รูปกระสวย) เห็นปล้องไม่ชัดเจน ไม่มีขา เคลื่อนไหวโดยการดีดตัว ชอนไชไปตามเนื้อเยื่อพืช ในระยะหนอนใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน จึงเข้าดักแด้ โดยดักแด้มีรูปร่างคล้ายเมล็ดข้าวสารอยู่ตามส่วนของพืชที่ถูกทำลาย และตามใบร่วงหล่นลงดิน
ในระยะดักแด้ใช้เวลาประมาณ 5 – 7 วัน จึงออกเป็นตัวเต็มวัย แมลงวันจะมีสีดำหรือสีเหลืองตลอดวงจรชีวิตใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
ในระยะดักแด้ใช้เวลาประมาณ 5 – 7 วัน จึงออกเป็นตัวเต็มวัย แมลงวันจะมีสีดำหรือสีเหลืองตลอดวงจรชีวิตใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
หนอนชอนใบ เป็นแมลงศัตรูพืชที่มีพืชอาหารหลายชนิด ได้แก่ พืชตระกูลกะหล่ำ หอม มะเขือเทศ มะเขือเปราะ มะระ พริก บวบ กระเจี๊ยบเขียว พืชตระกูลถั่วต่างๆ นอกจากนี้ยังพบทำลายในไม้ดอกบางชนิด ได้แก่ ดาวเรือง เบญจมาศ กุหลาบ และเยอบีร่า
เนื่องจากยุคสมัยนี้คนนิยมปลูกมะนาวกันเยอะ หนอนชอนใบถือเป็นศัตรูพืชอีกตัวหนึ่ง ที่พบมากในมะนาวครับ แต่สำหรับผมแล้วหนอนชอนใบยังถือว่าไม่รุนแรงเท่าตัวอื่นๆ วิธีการกำจัดก็ฉีดยาตามตารางหรือถ้าปลูกไม่มากก็เผาทำลายใบที่มีอาการทิ้งไปและเผาเศษใบไม้ที่อยู่ตามโคนต้นไม้เพื่อกำจัดดักแด้ทิ้งไปได้ครับ
2.หนอนม้วนใบ เป็นแมลงศัตรูชนิดหนึ่งของพืชตระกูลถั่วมี 3 ชนิด คือ หนอนม้วนใบถั่ว Hedylepta indicate Fabricius Lampsema diemenalis Guenee และหนอนม้วนใบ Adrchiips micacena Walker พบระบาดทั่วไปในแหล่งปลูกถั่วเหลือง และพืชตระกูลถั่วชนิดอื่นในทุกฤดูปลูกหนอนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ชักใบบาง ๆ คลุมตัวไว้ แล้วกัดกินผิวใบเมื่อหนอนโตขึ้นจึงกระจายกันออกไปทั่วทั้งแปลง สร้างใยยึดใบพืช อาจเป็นการยึดใบพืชจากขอบใบของใบเดียวเข้าหากันหรือยึดใบมากกว่า 2 ใบเข้าหากัน อาศัยกัดกินอยู่ในห่อใบนั้นจนหมด แล้วเคลื่อนย้ายไปทำลายใบอื่นต่อไปจนกระทั่งโตเต็มที่ และเข้าดักแด้ในห่อใบ ตัวเต็มวัยของหนอนม้วนใบถั่วทั้ง 2 ชนิด จะแตกต่างกันเห็นได้ชัดเจน ส่วนตัวหนอนมีลักษณะคล้ายคลึงกันมากจนไม่สามารถจำแนกออกด้วยตาเปล่า
รูปร่างลักษณะและชีวประวัติ
หนอนม้วนใบถั่ว Hedylepta indicata Fabriciusตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อขนาดเล็ก สีเหลืองปนน้ำตาล ปีกมีเส้นสีน้ำตาลเข้มพาดตามขวาง 3 เส้น วัดจากขอบปีกด้านหนึ่งถึงขอบปีกอีกด้านหนึ่งยาว 2 เซนติเมตร หนวดสีน้ำตาลเหมือนกับสีลำต้น ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ใต้ใบพืช ไข่มีลักษณะกลมแบน สีขาวใส และเปลี่ยนเป็นสีนวลเมื่อใกล้ฟัก ตัวเต็มวัยสามารถวางไข่ได้ประมาณ 300 ฟองต่อวัน ระยะไข่ 4-7 วัน หนอนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ ลำต้นเป็นสีเขียวอ่อน หัวสีน้ำตาลอ่อนและสีจะเข้มขึ้นเมื่อหนอนโตขึ้น มีจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอยู่รอบ ๆ ลำตัว มีขนใส ๆ อยู่ประปราย หนอนลอกคราบ 3 ครั้ง หนอนที่โตเต็มที่วัดความยาวของลำต้นได้ 11 มิลลิเมตร ระยะหนอน 15-16 วัน และเข้าดักแด้อยู่ภายในห่อใบโดยชักใยสีขาวบาง ๆ หุ้มตัว ดักแด้สีน้ำตาลแดงยาวประมาณ 9.5 มิลลิเมตร ระยะดักแด้ 10 วัน จึงออกเป็นตัวเต็มวัย ระยะตัวเต็มวัย 4-14 วัน
ตอนที่ผมปลูกแตงร้าน หนอนม้วนใบเป็นตัวที่ทำลายต้นแตงของผมไปเยอะทีเดียว เรียกได้ว่าทำลายตั้งแต่ยังเด็กจนโต อายุประมาณ10วันก็โดนแล้วครับ ตอนนั้นใช้ชีวภาพตลอด ฉีดแต่บิวเวอเรียกับน้ำส้มควันไม้ แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก ยิ่งต้นโตขึ้นยิ่งระบาดมาก อยู่ใต้ใบอ่อนๆเล็กๆ ไม่รู้ว่าถ้าฉีดเคมีจะหายมั้ยไม่เคยลองครับ ตอนนั้นปลูกอยู่ประมาณ400ต้น แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกต้นหรอกครับ ต้นที่มีหนอนพอแตงมีลูกแล้วก็เจาะแตงเสียหายเยอะเลยครับ รีบๆกำจัดดีกว่าระบาดครับ
3.ด้วงเต่ามะเขือ
ด้วงเต่ามะเขือ (Leaf-feeding ladybird beetle)
ลักษณะของแมลง ไข่รูปทรงรีสีเหลือง วางบนผิวใบเป็นกลุ่ม 15-50 ฟอง ระยะไข่ 2-4 วัน ตัวอ่อน มี 4 ระยะมีอายุ 16-18 วัน เข้าดักแด้บนต้นพืช ใช้เวลา 4-6 วันจึงฟักออกมาเป็นตัวเต็มวัย
การทำลาย ตัวเต็มวัยและตัวหนอนกัดกินใบพืชตระกูลแตงและตระกูลพริก มะเขือทำให้ใบแห้งตัวอ่อนกัดกินที่ใต้ผิวใบทำให้เกิดลักษณะโปร่งใส
ลักษณะของแมลง ไข่รูปทรงรีสีเหลือง วางบนผิวใบเป็นกลุ่ม 15-50 ฟอง ระยะไข่ 2-4 วัน ตัวอ่อน มี 4 ระยะมีอายุ 16-18 วัน เข้าดักแด้บนต้นพืช ใช้เวลา 4-6 วันจึงฟักออกมาเป็นตัวเต็มวัย
การทำลาย ตัวเต็มวัยและตัวหนอนกัดกินใบพืชตระกูลแตงและตระกูลพริก มะเขือทำให้ใบแห้งตัวอ่อนกัดกินที่ใต้ผิวใบทำให้เกิดลักษณะโปร่งใส
หลังจากฝนตกอย่างหนักจะทำให้ปริมาณของตัวด้วงลดลง ศัตรูธรรมชาติที่สำคัญ คือ แตนเบียนไข่ Tetrastichus ซึ่งสามารถทำลายไข่ได้ 70% ของไข่ทั้งหมด แตนเบียนหนอนและดักแด้ Pediobius sp. ทำลายได้ถึง 30 - 55% ด้วย นอกจากนี้ยังมีแตนเบียนอีกหลายชนิด ตัวห้ำและเชื้อโรคที่เข้าทำลายด้วงชนิดนี้

4.ด้วงเต่าแตง
ลักษณะการทำลาย
ด้วงเต่าแตง จะพบเป็นปัญหาอยู่เสมอกับแตงที่เริ่มงอกยังมีใบน้อย การทำลายโดยแทะกัดกินใบ หากการระบาดรุนแรง อาจทำให้ชะงักการทอดยอดได้ ด้วงเต่าแตงพบระบาดในสภาพดินร่วนปนทราย เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบเสมอๆ สวนแตงที่มีวัชพืชขึ้นรก ทั้งนี้เพราะตัวอ่อนอาศัยอยู่ในดิน กัดกินรากพืช จึงมักเป็นปัญหาในแหล่งปลูกแตงใหม่ บริเวณรอบๆ ไม่มีการไถพรวน และปราบวัชพืชเพียงพอ
รูปร่างลักษณะและชีวประวัติ
ไข่ ด้วงเต่าเพศเมียจะวางไข่เดี่ยว หรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในดินใกล้โคนต้นแตง อายุฟักไข่ประมาณ 8-15 วัน
ตัวหนอน ตัวหนอนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะมีสีเหลืองซีด และจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม อาศัยกัดรากพืชในบริเวณเป็นอาการ อาจเป็นอันตรายต่อรากแตงในระยะต้นอ่อนด้วย
ตัวอ่อน อาศัยอยู่ในดิน ตัวอ่อนกัดกินรากพืช การเจริญเติบโตมี 4 ระยะ (อายุตัวอ่อน 18-35 วัน)
ดักแด้ เมื่อตัวอ่อนโตเต็มที่จะเข้าดักแด้ในดินโดยสร้างเกราะป้องกัน อายุดักแด้แตกต่างกันไประหว่าง 4-14 วัน
ตัวเต็มวัย เต่าแตงเป็นแมลงปีกแข็งขนาดลำตัวยาง 0.8 ซม. มีทั้งสีแดงหรือสีน้ำตาลเกือบดำ ส่วนใหญ่จะพบสีแดง ปีกคู่แรกแข็งเป็นมัน ลำตัวค่อนข้างยาว เคลื่อนไหวช้าจะพบเสมอเวลากลางวันแดดจัด
การแพร่กระจายและฤดูกาลระบาด การระบาดแทบทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงที่แตงเริ่มแตกใบจริง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักพบเสมอ
พืชอาหาร ด้วงเต่าแตงพบทำลายแตงทุกชนิด
พูดถึงด้วงเต่าแตงก็ต้องย้อนไปสมัยตอนปลูกแตงร้านครับ เป็นอย่างที่ข้อมูลเบื้องต้นว่าครับ พบได้ทุกระยะของอายุแตง แต่จะมีปัญหามากตอนแตงต้นเล็กๆ เพราะมันจะกินใบอ่อนของต้นเล็กๆจนทำให้แตงโตช้ากว่าที่ควร แต่พอแตงโตแล้วใบเยอะแล้วก็เป็นปัญหาในระดับนึงครับอาจไม่หนักเท่ากับ หนอนที่ผมเคยเจอมา แน่นอนครับบิวเวอเรียฉีดแล้วไม่ตายเช่นเคย อาจจะต้องเคมีอีกแหละครับ
5.แมลงวันทอง
ชนิดของแมลงวันผลไม้ในประเทศไทย
แมลงวันผลไม้ที่มีความสำคัญของประเทศไทยมักจะพบเสมอ ได้แก่
1. แมลงวันทอง Bactrocera dorsalis (Hendel)
มีเขตแพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย มีพืชอาศัยมากกว่า 50 ชนิด ในเขตภาคกลาง คือ มะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ ละมุด พุทรา น้อยหน่า ขนุน เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ กระท้อน สะตอกล้วยน้ำว้า มะกอกฝรั่ง มะเฟือง มะปราง มะละกอ มะยง พริก ชำมะเลียง มะกอกน้ำ มะม่วงหิมพาน เชอรี่หวาน กระโดน สตาร์แอปเปิ้ล หว้า มะเดื่อหอม มะเดื่ออุทุมพร มะม่วงป่า ละมุด พิกุล ตะขบฝรั่ง กล้วยป่า น้ำใจไคร่ หูกวาง เล็บเหยี่ยว มะตูม ฯลฯ
มีเขตแพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย มีพืชอาศัยมากกว่า 50 ชนิด ในเขตภาคกลาง คือ มะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ ละมุด พุทรา น้อยหน่า ขนุน เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ กระท้อน สะตอกล้วยน้ำว้า มะกอกฝรั่ง มะเฟือง มะปราง มะละกอ มะยง พริก ชำมะเลียง มะกอกน้ำ มะม่วงหิมพาน เชอรี่หวาน กระโดน สตาร์แอปเปิ้ล หว้า มะเดื่อหอม มะเดื่ออุทุมพร มะม่วงป่า ละมุด พิกุล ตะขบฝรั่ง กล้วยป่า น้ำใจไคร่ หูกวาง เล็บเหยี่ยว มะตูม ฯลฯ
2. แมลงวันฝรั่ง Bactrocera correcta (Bezzi)
มีเขตแพร่กระจายในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง และแทบจะไม่พบในภาคใต้ มีพืชอาศัยไม่น้อยกว่า 36 ชนิด ได้แก่ ฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ ละมุด พุทรา น้อยหน่า ขนุน เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ กระท้อน สะตอ กล้วยน้ำว้า มะกอกฝรั่ง มะเฟือง มะปราง มะละกอ มะยม ชำมะเลียง มะกอกน้ำ
มะม่วงหิมพานต์ เชอรี่หวาน กระโดน สตาร์แอปเปิ้ล หว้า มะเดื่อหอม พิกุล ตะขบฝรั่ง น้ำใจใคร่ หูกวางหนามหัน (งัวซัง) แจง มะแว้งเครือ ฯลฯ
มีเขตแพร่กระจายในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง และแทบจะไม่พบในภาคใต้ มีพืชอาศัยไม่น้อยกว่า 36 ชนิด ได้แก่ ฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ ละมุด พุทรา น้อยหน่า ขนุน เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ กระท้อน สะตอ กล้วยน้ำว้า มะกอกฝรั่ง มะเฟือง มะปราง มะละกอ มะยม ชำมะเลียง มะกอกน้ำ
มะม่วงหิมพานต์ เชอรี่หวาน กระโดน สตาร์แอปเปิ้ล หว้า มะเดื่อหอม พิกุล ตะขบฝรั่ง น้ำใจใคร่ หูกวางหนามหัน (งัวซัง) แจง มะแว้งเครือ ฯลฯ
3. แมลงวันแตง Bactrocera cucuritae (Coquillett)
มีเขตแพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย มีพืชอาศัยมากว่า 28 ชนิด ได้แก่ ชะมดต้นฟัก มะละกอ แตงโม ตำลึง แตงกวา ฟักทอง ตะโกนา กะดอม ขี้กาดง บวบเหลี่ยม บวบกลม มะเขือเทศ มะระขี้นก กะทกรก บวบงู ขี้กาแดง กระดึงช้าง ขี้กาดิน ถั่วฝักยาว พุทราจีน ฯลฯ
มีเขตแพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย มีพืชอาศัยมากว่า 28 ชนิด ได้แก่ ชะมดต้นฟัก มะละกอ แตงโม ตำลึง แตงกวา ฟักทอง ตะโกนา กะดอม ขี้กาดง บวบเหลี่ยม บวบกลม มะเขือเทศ มะระขี้นก กะทกรก บวบงู ขี้กาแดง กระดึงช้าง ขี้กาดิน ถั่วฝักยาว พุทราจีน ฯลฯ
วงจรชีวิตของแมลงวันทอง |
วงจรชีวิตของแมลงวันผลไม้
การเจริญเติบโตของแมลงวันผลไม้แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ไข่ หนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัย
- ไข่
มีสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม ผิวเป็นมันสะท้อนแสง รูปร่างคล้ายผลกล้วย มีขนาดค่อนข้างเล็ก ขนาดกว้างประมาณ 0.2 มิลลิเมตร ยาว 0.4 มิลลิเมตร ระยะไข่กินเวลา 1 – 3 วัน ส่วนใหญ่ฟักภายใน 2 วัน ที่อุณหภูมิ 28–32 องศาเซลเซียส ระยะไข่อาศัยอยู่ในผลไม้ ระยะนี้การใช้สารฆ่าแมลงประเภทดูดซึม อาจสามารถทำลายไข่ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- หนอน
มีสีขาวหรือมีสีใกล้เคียงกับสีของพืชอาศัย เช่น แมลงวันผลไม้ที่ทำลายอยู่ในผลมะม่วงอาจมีสีเหลืองอ่อนตามสีเนื้อมะม่วงหรือแมลงวัน ผลไม้ที่กินอยู่ในแตงโม อาจมีสีแดงเรื่อ ๆ ตามสีเนื้อแตงโมก็ได้ แต่เมื่อหนอนเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะมีสีขาวทึบแสงลักษณะตัวหนอนเมื่อโตเต็ม ที่จะมีรูปร่างกลมยาวรี หัวแหลม ท้ายป้าน ไม่มีขาตัวหนอนเคลื่อนที่ โดยการยืดหดลำตัวซึ่งเป็นปล้อง ๆ ส่วนหัวเป็นตะขอแข็งสีดำหนึ่งคู่ ตัวหนอน มีความสามารถพิเศษในการงอตัว และดีดกระเด็นไปได้ไกลประมาณ 30 เซนติเมตร
- ดักแด้
มีรูปร่างกลมรี คล้ายถังเบียร์ ลำตัวเป็นปล้อง ๆ ตามแนวขวาง มีสีน้ำตาลอ่อนและสีจะเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นตัวเต็มวัย ระยะดักแด้ เป็นระยะที่แมลงอยู่เฉย ๆ ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ดักแด้อาศัยอยู่ในดินลึกประมาณ 2.0 – 5.0 เซนติเมตร ระยะดักแด้ประมาณ 10 – 12 วัน ดักแด้มีขนาดกว้าง 2.0 ยาว 4.0 มิลลิเมตร
- ตัวเต็มวัย
เป็นแมลงวันที่มีสีน้ำตาลปนดำ บางชนิดก็มีสีน้ำตาลอมแดง แต่มักมีแถบสีเหลืองที่ส่วนอกของแมลง ปีกบางใสสะท้อนแสง เมื่อดูโดยภาพรวมจึงถูกเรียกว่าแมลงวันทอง ระยะตัวเต็มวัยไม่ทำลายพืชผล กินน้ำหวาน โปรตีน และวิตามินที่มีในสิ่งขับถ่ายของแมลงอื่น ตลอดจนน้ำยางจากแผลต้นไม้ น้ำหวานจากพืช และเชื้อจุลินทรีย์บนพืชที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นอาหาร ตัวเต็มวัยหลังออกจากดักแด้แล้ว ประมาณ 10 วัน จึงจะเริ่ม
วางไข่ในผลไม้ที่อาศัยอยู่ แมลงตัวเต็มวัยในระยะแรกจะต้องการอาหารที่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบมาก เพื่อพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์และวางไข่ ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์ จึงสามารถนำประเด็นสำคัญ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของแมลงมาศึกษาวิจัยผลิตเหยื่อพิษ เพื่อใช้ในการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้อย่างได้ผลดี
วางไข่ในผลไม้ที่อาศัยอยู่ แมลงตัวเต็มวัยในระยะแรกจะต้องการอาหารที่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบมาก เพื่อพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์และวางไข่ ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์ จึงสามารถนำประเด็นสำคัญ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของแมลงมาศึกษาวิจัยผลิตเหยื่อพิษ เพื่อใช้ในการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้อย่างได้ผลดี
แมลงวันผลไม้สามารถวางไข่ได้นานเกือบตลอดอายุขัย โดยสามารถวางไข่ได้ทุกวัน เฉลี่ยวันละประมาณ 50 ฟอง ตลอดอายุจะวางไข่ได้มากถึง 3,000 ฟอง ดังนั้น แมลงวันผลไม้จึงมีอัตราการขยายพันธุ์ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับแมลงอื่น ๆ บางชนิด แมลงวันผลไม้มีอายุเฉลี่ยประมาณ 1 – 3 เดือน กินอาหารจากพืชอาศัย แต่ไม่มีแหล่งแน่นอนสามารถบินหรือถูกลมพัดพาไปได้ไกล ๆ แมลงชนิดนี้เป็นแมลงที่เคลื่อนไหว ค่อนข้างช้า หาอาหารในเวลาเช้าชอบหลบตามร่มเงาในเวลาบ่าย หรือเวลาร้อนจัด ผสมพันธุ์ในเวลาเย็นตอนพลบค่ำ วางไข่ในเวลากลางวันและวางไข่ได้ตลอดวัน ระยะตัวเต็มวัยเป็นระยะเดียวของแมลงที่เกษตรกรสามารกำจัดแมลงนี้ได้ หากทำการพ่นสารฆ่าแมลงให้ถูกตัวหรือทำการพ่นเหยื่อพิษล่อแมลงวันผลไม้
วงจรชีวิตของแมลงวันผลไม้ จะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 16 – 24 วัน หรือประมาณ 1 เดือน การกำจัดแมลงวันผลไม้ อย่างน้อยต้องกำจัดให้ครบ 1 วงจรชีวิตจึงจะเห็นผลของวิธีการนั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน เพราะว่ามีแมลงวันผลไม้ตัวเต็มวัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดักแด้ฟักเป็นตัวเต็มวัยออกจากดินอยู่ตลอดเวลา การป้องกันกำจัดจะเห็นผลชัดเจนหลังจากเราทำการป้องกันกำจัดไม่น้อยกว่า 3 – 4 สัปดาห์ จากการศึกษาวงจรชีวิตของ
แมลงวันผลไม้ทำให้ทราบว่าแมลงวันผลไม้สามารถกำจัดได้เพียงระยะเดียวคือ ระยะตัวเต็มวัยที่บินได้เท่านั้นและยังทราบอีกด้วยว่า แมลงวันที่ออกจากดักแด้ใหม่ ๆ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบ ดังนั้น จึงสามารถพัฒนาวิธีการใช้เหยื่อโปรตีนในการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ได้ก่อนที่จะผสมพันธุ์และวางไข่
แมลงวันผลไม้ทำให้ทราบว่าแมลงวันผลไม้สามารถกำจัดได้เพียงระยะเดียวคือ ระยะตัวเต็มวัยที่บินได้เท่านั้นและยังทราบอีกด้วยว่า แมลงวันที่ออกจากดักแด้ใหม่ ๆ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบ ดังนั้น จึงสามารถพัฒนาวิธีการใช้เหยื่อโปรตีนในการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ได้ก่อนที่จะผสมพันธุ์และวางไข่
เมื่อตอนผมปลูกบวบผมก็เจอครับเป็นแมลงวันทองที่มาเจาะลูกบวบ เจาะตั้งแต่ลูกเล็กยันลูกใหญ่เลยครับ ทำเอาผลผลิตลดลงไปเยอะเลยครับ ใช้เหยื่อล่อแมลงวันทองก็ล่อได้ไม่มาก ตอนนั้นใช้ใบกระเพรามาต้มแล้วเอาสารเมธิลยูจินอลมาใช้รู้สึกจะกลิ่นเบาบางไป แต่พอซื้อสารเมธิลยูจินอลเป็นขวดมา ซึ่งแพงมากก็ยังไม่ค่อยมีมาติด ผมอาจจะทำกับดักไม่ดีเองก็ได้ครับไม่โทษใคร แต่ทางที่ดีห่อลูกป้องกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุน่าจะดีที่สุดครับ
เขียนมาก็2ตอนติดแล้ว ขอจบเรื่องแมลงที่ควรรู้จักเพียงแค่นี้ครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ
คลิกติดตามสารเคมีกำจัดแมลงได้ครับ
คลิกติดตามศัตรูพืชตอน1ครับ
คลิกติดตามสารเคมีกำจัดแมลงได้ครับ
คลิกติดตามศัตรูพืชตอน1ครับ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น