ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ศัตรูพืชที่พบประจำ มีอะไรบ้าง? 2 (หนอน,ด้วงเต่า)

   ว่ากันต่ออีกบทความครับ สำหรับศัตรูพืชคราวนี้เราจะพูดถึง หนอน ด้วงเต่ากันบ้างว่าชนิดไหนที่เราพบเป็นประจำ
  เริ่มด้วยหนอนครับ
1. หนอนชอนใบ  มีหลายชนิด  ถ้าทำลายพืชตระกูลกะหล่ำ เรียกว่า หนอนแมลงวันชอนใบกะหล่ำ   หากทำลายหอมเรียกว่า หนอนแมลงวันชอนใบหอม  พืชผักหรือไม้ดอกบางชนิดที่ถูกทำลายเกิดจากตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ที่มีขนาดเล็กภายในผิวพืช เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนที่มีลักษณะหัวแหลมท้ายป้าน   ตัวหนอนจะชอนไชอยู่ในใบทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวคดเคี้ยวไปมา เมื่อนำใบพืชมาส่องดูจะพบหนอนตัวเล็กๆ สีเหลืองอ่อน โปร่งแสงใสอยู่ภายในเนื้อเยื่อใบพืช หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบเสียหายร่วงหล่น ซึ่งจะมีผลต่อผลผลิตพืช หากพืชนั้นๆ ไม่สามารถสร้างใบทดแทนได้พืชก็จะตายในที่สุด 

        
                       ภาพของหนอนชอนใบและแมลงวันในระยะตัวเต็มวัย
          หนอนชอนใบ ตัวเต็มวัยเป็นแมลงวันขนาดเล็ก   เพศเมียจะวางไข่ขนาดเล็กไว้ใต้ส่วนของเนื้อเยื่อบางๆ ของพืช ระยะไข่ 2 – 4 วัน   เมื่อฟักเป็นตัวหนอนมีลักษณะหัวแหลมท้ายป้าน (รูปกระสวย)  เห็นปล้องไม่ชัดเจน ไม่มีขา เคลื่อนไหวโดยการดีดตัว  ชอนไชไปตามเนื้อเยื่อพืช   ในระยะหนอนใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน   จึงเข้าดักแด้  โดยดักแด้มีรูปร่างคล้ายเมล็ดข้าวสารอยู่ตามส่วนของพืชที่ถูกทำลาย   และตามใบร่วงหล่นลงดิน
        ในระยะดักแด้ใช้เวลาประมาณ 5 – 7 วัน   จึงออกเป็นตัวเต็มวัย แมลงวันจะมีสีดำหรือสีเหลืองตลอดวงจรชีวิตใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
          หนอนชอนใบ        เป็นแมลงศัตรูพืชที่มีพืชอาหารหลายชนิด  ได้แก่ พืชตระกูลกะหล่ำ  หอม   มะเขือเทศ  มะเขือเปราะ  มะระ  พริก  บวบ กระเจี๊ยบเขียว   พืชตระกูลถั่วต่างๆ   นอกจากนี้ยังพบทำลายในไม้ดอกบางชนิด ได้แก่ ดาวเรือง เบญจมาศ กุหลาบ และเยอบีร่า  
          เนื่องจากยุคสมัยนี้คนนิยมปลูกมะนาวกันเยอะ หนอนชอนใบถือเป็นศัตรูพืชอีกตัวหนึ่ง ที่พบมากในมะนาวครับ แต่สำหรับผมแล้วหนอนชอนใบยังถือว่าไม่รุนแรงเท่าตัวอื่นๆ วิธีการกำจัดก็ฉีดยาตามตารางหรือถ้าปลูกไม่มากก็เผาทำลายใบที่มีอาการทิ้งไปและเผาเศษใบไม้ที่อยู่ตามโคนต้นไม้เพื่อกำจัดดักแด้ทิ้งไปได้ครับ

                   ใบมะนาวที่ถูกหนอนชอนใบทำลาย

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ศัตรูพืชที่พบประจำ มีอะไรบ้าง? 1 (เพลี้ย)

    วันนี้มาศึกษาเกี่ยวกับศัตรูพืชกันครับ โดยรวมแล้วมีมากมายหลายชนิดครับ คงจะเขียนกันไม่ไหวเลยทีเดียว จึงขอยกตัวสำคัญๆที่สวนผมพบเจอบ่อยๆ มาฝากผู้อ่านแล้วกันนะครับ

ศัตรูพืชวงศ์เพลี้ยครับ
  1.เพลี้ยไฟ ชื่อวิทยาศาสตร์ Stenchaetohrips biformis (Bagnall)
วงศ์ Thripidae

อันดับ Thysanoptera

ชื่อสามัญอื่น -



       เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็ก ลำตัวแคบยาว มีความยาวประมาณ 1-2 มม. ตัวเต็มวัยมีสีน้ำตาลปนเหลือง ขอบปีกมีขนเป็นแผง เพลี้ยไฟมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มชอบหากินบริเวณฐานดอก และขั้วผลอ่อน ขณะที่หากินไม่ชอบเคลื่อนย้ายตัว และเมื่อมีการกระทบกระเทือนจะเคลื่อนไหวรวดเร็ว มีการขยายพันธุ์ทั้งแบบผสมพันธุ์และไม่ต้องผสมพันธุ์ ตัวเมียมีอายุประมาณ 15 วัน และได้รับการผสม จะออกไข่ได้ประมาณ 40 ฟอง ตัวเมียที่ไม่ผสมพันธุ์ออกไข่ได้ประมาณ 30 ฟอง วงจรชีวิตจากไข่ถึงตัวเต็มวัยประมาณ 15 วัน ระยะไข่ 4 - 7 วัน ตัวอ่อนวัยที่ 1 2 วัน วัยที่ 2 4 วัน เป็นวัยที่ 3 ฟักตัว 3 วัน จึงเป็นตัวเต็มวัยสมบูรณ์ 
    ลักษณะการทำลายและการระบาด
        เพลี้ยไฟทั้งตัวอ่อน และตัวเต็มวัยจะทำลายข้าวโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบข้าว ที่ยังอ่อน โดยอาศัยอยู่ตามซอกใบ ระบาดในระยะกล้า เมื่อใบ
ช่อดอก การทำลายในระยะติดดอก จะทำให้ช่อดอกหงิกงอ ดอกร่วง ไม่ติดผลหรือทำให้ติดผลน้อย
ผล ที่ขั้วผลอ่อนจะเห็นเป็นวงสีเทาเกือบดำ หรือผลบิดเบี้ยว ถ้าการทำลายรุนแรงผลมะม่วงจะเป็นสีดำเกือบทั้งหมด แมลงชนิดนี้ระบาดเมื่ออากาศร้อนและแห้งแล้ง ถ้ามีการระบาดรุนแรง เพลี้ยไฟจะทำลายมะม่วงระยะผลอ่อน ช่อดอก และผลอ่อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน อยู่ในช่วงมะม่วงเริ่มแทงดอกในระยะเดือยไก่ และปริมาณประชากรจะลดลงในระยะดอกตูม และเพิ่มขึ้นเมื่อดอกใกล้บาน จนถึงดอกบานเต็มที่ จากนั้นจะเริ่มลดลง เมื่อเริ่มติดผลและจะพบน้อยมากเมื่อผลผลิตใกล้เก็บ

     อย่างที่บอกครับเพลี้ยไฟเป็นศัตรูพืชตัวสำคัญที่ผมพบเจอในสวนเลยครับ ผมปลูกต้นขจร/ดอกสลิดซึ่งเป็นไม้เถายืนต้น มีอายุได้4-5เดือนก็ต้องยอมใช้เคมีมาฉีดให้ตาย แรกๆก็ฉีดนิดเดียวก็ตายหมด จนผ่านไปอีก3-4เดือนเริ่มดื้อยาฉีดแล้วไม่ตายจนตอนนี้ต้องสลับกับยาอื่น เพื่อมากำจัด ถือเป็นปัญหาใหญ่มากเลยทีเดียวครับ


วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีเลือกปั้มน้ำ หาแรงดันน้ำอย่างคร่าวๆ

    ก่อนอื่นให้ดูที่ค่าHeadกับFlow คือดูแรงดันกับปริมาณน้ำที่ปั๊มจ่ายได้ครับอย่างแรกเราต้องคำนวนให้ได้ก่อนว่าต้องการปริมาณน้ำกี่ลิตร/นาที และค่าhead loss กี่เมตร แล้วจึงมาหาท่อน้ำว่าจะใช้ขนาดเท่าจึงจะสามารถรองรับปริมาณน้ำได้
วิธีคำนวณ : จำนวนหัวสปริงเกลอร์ *(คูณ) ปริมาณน้ำของหัวสปริงเกลอร์ = X l/h (ลิตรต่อชั่วโมง)
                   X=ท่อกี่นิ้ว
ต้องเปิดตารางดูว่าท่อขนาดใดที่น้ำสามารถไหลผ่านได้สูงสุดไม่น้อยกว่าXลิตร/ชม

                                           ตารางท่อpvcตามขนาดต่างๆ
 จะซื้อปั้มให้ดูที่ค่าhead loss ถ้าท่อยาว 1000m จะเสียแรงดันไป หาร100 เท่ากับ10&nbsp (ถ้าขึ้นเนินจะต้องเอาความต่างระดับมาบวกกันด้วยนะครับเช่นขึ้นเนิน5ก็บวกกับ10เป็น15 อย่าลืมแรงดันที่เสียไปตามข้อต่อต่างๆด้วยครับ อันนี้ต้องคิดเผื่อเอาคร่าวๆครับ 1000m ข้อต่อน่าจะเยอะก็20เลยครับ)
สมมุติ : สปริงเกลอร์250หัว คูณ 200ลิตร/ชั่วโมง =50000L/h. เปลี่ยนหน่วยเป็นนาที หาร 60 = 833 l/m
             Head loss1000m =10    
         ดังนั้นเลือกปั้มจ่ายน้ำได้ 833ลิตรต่อนาที จ่ายน้ำที่ระดับ 0m(พื้นราบไม่ชัน)ได้833+10=843 l/m

   สรุปต้องดูสเป็คของปั้มน้ำครับว่าค่าhead lossไม่เกินเท่าไหร่ จ่ายน้ำได้ตรงกับความต้องการตามที่คำนวณหรือไม่ครับ

   อย่างไรก็ตาม นี่เป็นวิธีคำนวณอย่างง่ายๆ ในภาษาที่ชาวบ้านเข้าใจ ไม่ได้ละเอียดแบบหลักฟิสิกส์ แต่ก็พอใช้คำนวณได้คร่าวๆครับ ผู้เขียนเขียนตามความเข้าใจส่วนตัวตามที่ศึกษาและประสบการณ์ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
                                  ภาพระบบน้ำที่บ้านครับ

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ใช้สารเคมีกำจัดแมลง หนอน,เพลี้ย อะไรดี

       จริงๆแล้วต้องบอกอย่างนี้ครับ ถ้าปลูกเชิงการค้าแล้วจากประสบการณ์ของผม ต้องบอกได้เลยว่าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ถ้าปลูกไม่เยอะ ปลูกรอบๆบ้าน ผมก็ไม่เถียงครับว่าเราเลี่ยงได้ แต่ที่ผมทำนั้นต้องเจอกับศัตรูพืชหลากหลายชนิดครับ ถ้าจะว่าด้วยแมลงนั้นคงต้องเป็นอีกบทความนึงเลยครับ แต่จะยกตัวอย่างกว้างๆมาแนะนำกันครับ


    กลุ่มยาที่ใช้กำจัดหนอนครับ
  1. อะบาเม็กติน  ชื่อสามัญ: อะบาเม็กติน (abamectin) 1.8% w/v EC ประเภทของยา : น้ำ อัตราการใช้: กำจัดแมลงศัตรูใช้อัตรา  20  ซีซี  ผสมกับน้ำ  20  ลิตร (เหม็นปานกลาง)
  2. ไซเปอร์เมทริน ชื่อสามัญ: ไซเปอร์เมทริน 35% Cypermethrin 35% w/v EC อัตรา 5-10 ซีซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นเมื่อป้องกันแมลงเมื่อพบแมลงระบาดควรใช้ อัตรา 15-25 ซีซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร
  3. คาร์โบซัลแฟนชื่อสามัญ: คาร์โบซัลแฟน 20 % w/v EC ประเภทของยา : น้ำ อัตราการใช้: อัตรา 20 – 40 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร (เหม็นมาก)


      แนะนำให้ฉีด วันที่1,4,7   3วันนะครับ แต่ละวันไม่ควรใช้ยาซ้ำกันควรสลับยากัน3ชนิด เพื่อป้องกันแมลงดื้อยา ที่แนะนำคือแมลงระบาดแล้ว เหตุผลที่ต้องฉีดแบบนี้เพราะวันที่1ฉีดเพื่อกำจัดแมลงชุดแรก วันที่4เพื่อกำจัดไข่แมลง วันที่7เพื่อเก็บตกที่ยังรอดให้หมด (ควรสังเกตุอย่างสม่ำเสมอว่าไม่มีศัตรูพืชตกค้างแล้ว)




   กลุ่มยากำจัดเพลี้ยครับ เป็นกลุ่มยานิโคตินอยล์ครับ
 1.อิมิดาคลอพริด ชื่อสามัญ: อิมิดาคลอพริด(Imidacloprid) 70%wg ประเภทของยา : ผง อัตราการใช้: อัตรา 2 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร  พ่นเมื่อป้องกันกำจัดเพลี้ย เมื่อพบเพลี้ยระบาดควรใช้ อัตรา 5-20 ซีซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร ไม่มีสีไม่มีกลิ่น ฉลากสีฟ้า
  2.ไดโนทีฟูแรน ชื่อสามัญ: ไดโนทีฟูแรน(Dinotefuran) อัตราการใช้: 10กรัม ต่อน้ำ20ลิตร พ่นเมื่อเพลี้ยระบาด เป็นผงละลายน้ำ
  3.อะเซตามีพริด ชื่อสามัญ: อะเซตามีพริด(Acetamiprid) อัตราการใช้: 5กรัม ต่อน้ำ20ลิตร ตารางความเป็นพิษที่มีต่อสัตว์


    สารกำจัดศัตรูพืชกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ต่อสัตว์ป่า
   (Neonicotinoid pesticides wildlife toxicity ranges)

ชื่อสามัญ
(Common name) 
ความเป็นพิษต่อนก
(Bird acute oral LD50 (mg/kg)*)
ความเป็นพิษต่อปลา
(Fish LCP50  (ppm)**)
ความเป็นพิษต่อผึ้ง
(Bee LD50***)
อะเซ็บทามิพริด (Acetamiprid) 
ไม่มีพิษ (PNT)
ไม่มีพิษ (PNT)
มีพิษปานกลาง (MT)
โคลไทอะนิดิน (clothianidin)
ไม่มีพิษ (PNT)
ไม่มีพิษ (PNT)
มีพิษสูง (HT)
ไดโนทีฟูราน (dinotefuran)
ไม่มีพิษ (PNT)-มีพิษปานกลาง (MT)
ไม่มีพิษ (PNT)
มีพิษสูง (HT)
อิมิดาคลอพริด (imidacloprid)
มีพิษปานกลาง(MT)
มีพิษปานกลาง(MT)
มีพิษสูง (HT)
ไธอะมีโทแซม (thiamethoxam)
มีพิษเล็กน้อย(ST)
ไม่มีพิษ (PNT)
มีพิษสูง (HT)


เครดิตเว็บ http://www.doa.go.th/pibai/pibai/n16/v_3-apr/ceaksong.html


    อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีควรอ่านฉลากยาข้างขวดให้ดีก่อน และที่สำคัญสีของฉลากยาที่อยู่ใต้ขวด จะบอกความอันตรายของสารเคมีตัวนั้น โดยแบ่งเป็น3สี แดง เหลือง ฟ้า ความแรงแบ่งไปตามลำดับ มากไป
    จริงๆแล้วยาทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถกำจัดได้ทั้งหนอนและเพลี้ย แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียนแนะนำมาเพื่อไม่ให้แมลงดื้อยาต่อสารนั้นๆมากที่สุด จะได้ไม่สิ้นเปลืองไปใช้ยาที่ผิดครับ